ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับลูกค้า

ของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ

เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต บริษัท ฯ จึงจัดทำประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท ฯ”) เพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัท ฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ การดำเนินการใด ๆ กับ ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม ที่ทำให้สามารถเข้าถึง หรือพร้อมใช้งาน โดยการจัดเรียง การนำมา รวมกัน การจำกัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบหรือการทำลาย

บริษัท ฯ จึงขอแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่าน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัท ฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่าน และทำความเข้าใจถึงข้อกำหนด ต่าง ๆ ภายใต้ประกาศ ฯ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. คำนิยาม

ลูกค้า หมายถึง บุคคลที่จะซื้อหรือซื้อสินค้า และ/หรือรับบริการจากบริษัท ฯ หรือบุคคลอื่นที่ติดต่อสอบถามข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการของบริษัท ฯ บุคคลที่รับทราบข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการผ่านสื่อต่าง ๆ และบุคคลที่ได้รับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้า และ/หรือบริการของบริษัท ฯ

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หมายถึง บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลที่เป็นลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัท ฯ กับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่บริษัท ฯ ด้วย

2. วิธีที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

2.1 บริษัท ฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

2.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ฯ โดยตรง เช่น

  • เมื่อท่านติดต่อสื่อสาร สอบถามข้อมูล ให้ความเห็นหรือคำติชมแก่บริษัท ฯ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร ในรูปแบบลายลักษณ์อักษรหรือวาจา ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ การพบปะกันโดยตรง หรือโดยวิธีการอื่นใด
  • เมื่อท่านแสดงเจตนาเพื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากบริษัท ฯ เข้าทำสัญญาค้าขายกับบริษัท ฯ หรือ ส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่มาให้แก่บริษัท ฯ
  • เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด การจับสลากชิงโชค งานอีเว้นท์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามของบริษัท ฯ เป็นต้น

2.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น

  • การเก็บข้อมูลจากผู้ให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท ฯ เช่น ผู้ให้บริการเว็บไซต์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการพื้นที่พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ผู้ให้บริการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) ผู้ให้บริการ ประชาสัมพันธ์และแนะนำสินค้า/บริการ และผู้ให้บริการรวบรวมข้อมูล เป็นต้น
  • บางกรณีบริษัท ฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองหรือได้ให้ ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าว

2.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศ ฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่ได้กำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัท ฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

2.3 กรณีที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ บริษัท ฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัท ฯ ได้แจ้งไว้แก่ท่านในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งท่านมีสิทธิที่จะยกเลิกความยินยอมได้ โดยติดต่อมายังบริษัท ฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในท้ายของประกาศ ฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่าน และดำเนินการตามฐานการประมวลผลที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด (ถ้ามี)

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศ ฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ฯ โดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่

3.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ เป็นต้น

3.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน สถานที่จัดส่งสินค้า สถานที่จัดส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ไอดีผู้ใช้สำหรับแอปพลิเคชันไลน์ (Line ID) และข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ เป็นต้น

3.3 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้า เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับร้านค้า หรือสถานประกอบการของลูกค้า (เช่น ชื่อสถานประกอบการ เลขทะเบียน สถานที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อ) เป็นต้น

3.4 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รหัสลูกค้า รายละเอียดการสั่งซื้อ (อาทิเช่น สินค้าที่ต้องการจำนวนและคุณภาพ) และรายละเอียดการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้า (อาทิเช่น วันที่สั่งซื้อสินค้า ประเภทสินค้า สาขาที่เกี่ยวข้อง และปัญหาที่พบ) เป็นต้น

3.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น จำนวนเงิน วงเงินสินเชื่อ เงื่อนไขการชำระเงิน เลขที่บัญชี ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏใน ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก เป็นต้น

3.6 ข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้า เช่น วันที่สั่งซื้อสินค้า ประเภทสินค้า และปัญหาที่พบ เป็นต้น

3.7 ข้อมูลที่ใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ ได้แก่ หมายเลขบัญชีเงินฝาก ข้อมูลเครดิต ข้อมูลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ข้อมูลการชำระหนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน ข้อมูลสถานะทางการเงิน ข้อมูลสำหรับประเมิน ความเสี่ยง ข้อมูลที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ข้อมูลที่เกี่ยวกับการกระทำหรือถูกกล่าวหา ว่ากระทำความผิด การถูกดำเนินคดี และการถูกบังคับคดี ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระหรือรับชำระเงิน เป็นต้น

3.8 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นลูกค้ากับบริษัท ฯ หรือในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนการค้า สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แบบฟอร์มลงทะเบียน สำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน ใบขอเปิดหน้าบัญชีลูกค้า หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนาภ.พ.09/ภ.พ.20 แผนที่ เอกสารที่เป็นหลักประกัน (ถ้ามี) (เช่น หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร (Bank Guarantee) และหนังสือค้ำประกันโดยบุคคล) สัญญาซื้อขายหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม และใบส่งสินค้า เป็นต้น

3.9 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น พฤติกรรมหรือแนวโน้มในการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ บันทึกเสียงการสนทนา และบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัท ฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังนี้

ลำดับ วัตถุประสงค์ที่กำหนด ฐานกฎหมายในการประมวลผล
1 เพื่อลงทะเบียนเปิดบัญชีลูกค้า หรือสมัครสมาชิก เป็นลูกค้าของบริษัท ฯ หรือการขอสินเชื่อจากบริษัท ฯ หรือการเข้าทำสัญญาและการวางหลักประกันกับบริษัท ฯ และการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นในการเปิดบัญชีลูกค้า และการเข้าทำสัญญาตลอดจนกระบวนการที่เกี่ยวข้อง กับการทำสัญญา เช่น การตรวจสอบหลักฐานประกอบการทำสัญญา การพิจารณาวงเงินสินเชื่อ และการวางหลักประกัน เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ฯ เช่น การบริหารสัญญา การตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า และการพิจารณาคุณสมบัติลูกค้า เป็นต้น
2 เพื่อดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้า ในระบบของบริษัท ฯ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อแก้ไข เปลี่ยนแปลง ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
3 เพื่อใช้ข้อมูลลูกค้าในการออกใบกำกับภาษี
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย : เพื่อจำเป็นต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อใช้ในการออกใบกำกับภาษี โดยเป็นไปตามประมวลรัษฎากร และกฎหมายหรือประกาศอื่นที่เกี่ยวข้อง
4 เพื่อจัดเตรียมสินค้า และ/หรือบริการ การบริหารจัดการตามคำสั่งซื้อจากลูกค้า การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า
  • ฐานสัญญา : การจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ในการบริหารจัดการเตรียมสินค้าตามคำสั่งซื้อจากลูกค้า การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การนำส่งสินค้า เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : การจำเป็นในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ฯ เช่น การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การบริการสินค้าตาม ออเดอร์การขนส่งสินค้า การส่งมอบสินค้า เป็นต้น
5 เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและสำรวจพฤติกรรมของลูกค้า
  • ฐานความยินยอม : เพื่อขอเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ที่ลูกค้าได้ให้ไว้กับทางบริษัท ฯ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลและสำรวจพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัท ฯ โดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากท่าน
6 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการอำนวยความสะดวก แก่ลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ในการร้องเรียน หรือยื่นข้อเสนอแนะจากลูกค้า หรือบุคคลอื่นใด ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพ การให้บริการของบริษัท ฯ
7 เพื่อประชาสัมพันธ์และเพื่อกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท ฯ
  • ฐานความยินยอม : บริษัท ฯ จะดำเนินการกิจกรรม ทางการตลาดใด ๆ อาทิเช่น การส่งข้อความเกี่ยวกับการ สื่อสารทางการตลาดให้แก่ลูกค้า การขอถ่ายภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวของลูกค้า เพื่อนำไป ประมวลภาพ และประชาสัมพันธ์กิจกรรมการตลาดตามช่องทาง สื่อต่าง ๆ โดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากท่าน
8 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท ฯ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย : เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งบังคับใช้ กับบริษัท ฯ เช่น กฎหมาย ว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
9 เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท ฯ เช่น การใช้สิทธิทางศาล เป็นต้น
10 เพื่อตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของ บริษัท ฯ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : การจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในการตรวจสอบ ดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สิน ของบริษัท ฯ หรือการใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท ฯ หรือใช้เพื่อติดตามนำทรัพย์สินคืน หรือเรียกให้ชดใช้ ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัท ฯ สูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น

4.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท ฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตาม ข้อ 4.1 ข้างต้น ในส่วนที่มี ความเกี่ยวเนื่องกับ การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท ฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัท ฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) และบริษัท ฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขาย หรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่านทั้งหมดหรือบางส่วน

5. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัท ฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลา และข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็น ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัท ฯ จะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิ หรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป จนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่ง หรือคำพิพากษาถึงที่สุด

6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ใน ข้อ 4.1 ข้างต้น บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ประเภทของบุคคลผู้รับข้อมูล ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ เป็นการทั่วไป

ประเภทบุคคลผู้รับข้อมูล รายละเอียด
บริษัท ฯ ในเครือ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ บริษัท ฯ ในเครือทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในบริษัท ฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
คู่ค้าทางธุรกิจ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อติดต่อ และประสานงานในการให้บริการ สินค้า หรือบริการ และให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเกี่ยวกับความพร้อม ใช้งานของสินค้าหรือบริการ
ผู้ให้บริการ บริษัท ฯ อาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ให้บริการแทน หรือสนับสนุนการดำเนินการของบริษัท ฯ เช่น ผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการด้าน Digital ID ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการด้านการบริหารความเสี่ยง ผู้ให้บริการขนส่ง เป็นต้น
ที่ปรึกษาของบริษัท ฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี เป็นต้น
หน่วยงานของภาครัฐ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ หรือมีคำสั่งโดยชอบ ด้วยกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด หรือการใช้สิทธิตามกฎหมาย
อื่น ๆ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคล หรือหน่วยงาน อื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน ต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ

6.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นนั้น บริษัท ฯ จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ ที่กำหนด หรือที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น

6.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผย โดยปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยบางกรณีบริษัท ฯ อาจขอความยินยอมจากท่าน

7. สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ หลายประการ ประกอบด้วย

1) สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท ฯ มีสิทธิปฏิเสธ คำขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

2) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

3) สิทธิในการลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ฯ ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

4) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน โดยการระงับชั่วคราว หรือถาวร

5) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท ฯ มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัท ฯ สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท ฯ)

6) สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้น จะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดยบริษัท ฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้ บริษัท ฯ จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท ฯ ที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

7) สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จากบริษัท ฯ ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้บริษัท ฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

8) สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัท ฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8. การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ หรือเกี่ยวกับประกาศนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

1) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ( Data Controller )
ชื่อ: บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 479 ชั้นที่ 4 หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ช่องทางการติดต่อ : info@bis-group.com

Call Center : 02-960-0290

2) เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 479 ชั้นที่ 4 หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ช่องทางการติดต่อ : dpo@bis-group.com

Call Center : 02-960-0290

9. การเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ฉบับนี้

บริษัท ฯ อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และตามที่ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยบริษัท ฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ที่มีความสำคัญ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม

ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2566
กรรมการบริษัท

ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับคู่ค้า

ของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ

เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต บริษัท ฯ จึงจัดทำประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท ฯ”) เพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัท ฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ การดำเนินการใด ๆ กับ ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม ที่ทำให้สามารถเข้าถึง หรือพร้อมใช้งาน โดยการจัดเรียง การนำมา รวมกัน การจำกัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบหรือการทำลาย

บริษัท ฯ จึงขอแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่าน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัท ฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่าน และทำความเข้าใจถึงข้อกำหนด ต่าง ๆ ภายใต้ประกาศ ฯ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. คำนิยาม

“ คู่ค้า ” หมายถึง ผู้ที่เข้าเสนอราคาเพื่อขายสินค้าและ/หรือให้บริการแก่บริษัท ฯ และ/หรือผู้ที่ได้แต่งตั้งให้บริษัท ฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า และ/หรือได้ขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้ากับทางบริษัท ฯ หรือ มีความสัมพันธ์อื่นใด ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น ผู้ขายสินค้า ผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการขนส่ง ที่ปรึกษา ผู้วิเคราะห์ข้อมูล ทนายความ ผู้ตรวจสอบภายนอก ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ วิทยากรคู่สัญญา เกษตรกร พันธมิตร หรือ องค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ เป็นต้น

“ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า ” หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้าและ/หรือผู้ที่เป็นตัวแทนของคู่ค้า เช่น กรรมการกรรมการผู้จัดการ พนักงาน ผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทนนิติบุคคล ผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและ/หรือให้บริการแก่บริษัท ฯ

“ ผู้ที่จะเข้ามาเป็นคู่ค้า ” หมายถึง บุคคลที่อาจจะเข้ามาเป็นคู่ค้ากับบริษัท ฯ โดยการเสนอขายสินค้าหรือเสนอให้บริการแก่บริษัท ฯ และจะได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้าของบริษัท ฯ หรือวางแผนจะร่วมโครงการธุรกิจกับบริษัท ฯ

2. วิธีที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

2.1 บริษัท ฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ฯ โดยตรง เมื่อท่านกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ของบริษัท ฯ หรือช่องทางอื่น เมื่อท่านเข้าทำสัญญากับบริษัท ฯ เมื่อท่านส่งมอบเอกสารและสำเนาเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่มาให้กับบริษัท ฯ ท่านสอบถามข้อมูลให้ความเห็น ตอบแบบสำรวจ หรือคำติชม หรือส่งข้อร้องเรียนต่อบริษัท ฯ ทางโทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ทางไปรษณีย์ หรือแอปพลิเคชัน เป็นต้น รวมถึงการที่ท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัท ฯ

2.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ

บริษัท ฯ อาจเก็บวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน

2.1.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก

บริษัท ฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอก เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านพ่อค้าคนกลาง หรือในบางกรณีบริษัท ฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือ แหล่งข้อมูลทางการค้า เป็นต้น

2.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศ ฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่ได้กำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัท ฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

2.3 กรณีที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ บริษัท ฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัท ฯ ได้แจ้งไว้แก่ท่าน ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งท่านมีสิทธิที่จะยกเลิกความยินยอมได้ โดยติดต่อมายังบริษัท ฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในท้ายของประกาศ ฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่าน และดำเนินการตามฐานการประมวลผลที่กฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด (ถ้ามี)

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศ ฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ฯ โดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่

3.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ เป็นต้น

3.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน สถานที่จัดส่งสินค้า สถานที่จัดส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชัน (Line ID) และข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ เป็นต้น

3.3 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล ทะเบียนเกษตรกร สำเนาเอกสารสิทธิ แผนที่พิกัดของสำนักงานใหญ่ หรือที่ทำการฟาร์ม เงื่อนไขการค้า รายละเอียดเกี่ยวกับร้านค้า หรือสถานประกอบการของลูกค้า (เช่น ชื่อ เลขทะเบียน สถานที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อ) เป็นต้น

3.4 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รหัสคู่ค้า รายละเอียดของสินค้าที่ต้องการ (อาทิ น้ำหนักสุทธิ ความชื้น และคุณภาพของวัตถุดิบ) เลขที่ใบรับสินค้าชั่วคราว รายละเอียดการส่งสินค้าและวัตถุดิบ เลขที่ตรวจสอบย้อนกลับ (ระบบ Traceability) เลขที่บัญชี และจำนวนเงิน เป็นต้น

3.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น จำนวนเงิน เงื่อนไขการชำระเงิน เลขที่บัญชี ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก เป็นต้น

3.6 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัท ฯ หรือในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนา บัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนการค้า สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แบบฟอร์มลงทะเบียน สำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน ใบขอเปิดหน้าบัญชีคู่ค้า หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนาภ.พ.09/ภ.พ.20 แผนที่ เอกสารที่เป็นหลักประกัน (ถ้ามี) (เช่น หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร (Bank Guarantee) และหนังสือค้ำประกันโดยบุคคล) สัญญาซื้อขายหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง กับธุรกรรม และใบส่งสินค้า เป็นต้น

3.7 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น พฤติกรรมหรือแนวโน้มในการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ บันทึกเสียงการสนทนา และบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัท ฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังนี้

ลำดับ วัตถุประสงค์ที่กำหนด ฐานกฎหมายในการประมวลผล
1 เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า การลงทะเบียน เป็นคู่ค้ากับทางบริษัท ฯ การคัดเลือกคู่ค้าและการจัดซื้อจัดจ้าง การแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย และเพื่อความจำเป็นในการ เข้าทำสัญญา และวางหลัก ประกันกับบริษัท ฯ
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำ เนินการลงทะเบียนคู่ค้า การดำเนินการตามคำขอเข้าเสนอราคาของคู่ค้า และการเข้าทำสัญญา ตลอดจนกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญา เช่น การตรวจสอบ หลักฐานประกอบการทำสัญญา การพิจารณาจัดซื้อจัดจ้าง และการวางหลักประกัน เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นในการดำเนิน ธุรกิจ และดำเนินการตามนโยบาย ด้านจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท ฯ เช่น การตรวจสอบข้อมูลและคุณสมบัติของคู่ค้า ฯลฯ เป็นต้น
2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ที่มีต่อคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น การสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ การตั้งหนี้และชำระราคาสินค้าหรือบริการ และการรับสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
3 เพื่อประชาสัมพันธ์ และเพื่อกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท ฯ
  • ฐานความยินยอม : บริษัท ฯ จะดำเนินการกิจกรรมทางการตลาดใด ๆ อาทิเช่น การส่งข้อความเกี่ยวกับการสื่อสารทางการตลาดให้แก่คู่ค้า การขอถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวของคู่ค้า เพื่อนำไปประมวลภาพ และประชาสัมพันธ์กิจกรรมการตลาดตามช่องทางสื่อต่าง ๆ โดยอาศัย ความยินยอมที่ได้รับจากท่าน
4 เพื่อติดต่อรับสินค้าและ/หรือบริการ และการติดต่อสื่อสารกับคู่ค้า
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาในการบริหาร จัดการเตรียมสินค้าตามคำสั่งซื้อจากคู่ค้า การติดต่อสื่อสารกับคู่ค้า การนำส่งสินค้า เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นในการดำเนิน ธุรกิจของบริษัท ฯ เช่น การติดต่อ สื่อสารกับคู่ค้า การขนส่งสินค้า การรับมอบสินค้าและ/หรือบริการ เป็นต้น
5 เพื่อจัดทำรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ฯ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อประโยชน์โดยชอบ ด้วยกฎหมายในการการจัดทำรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น รายงานผลผลิตเกษตรกรรม รายงานการขนส่งสินค้า รายงานรับซื้อผลผลิต และรายงานแหล่งที่มาของผลผลิต ฯลฯ
6 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากคู่ค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อประโยชน์โดยชอบ ด้วยกฎหมายในการอำนวยความสะดวกแก่คู่ค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ในการร้องเรียน หรือยื่นข้อเสนอแนะจากคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัท ฯ
7 เพื่อใช้ข้อมูลคู่ค้าในการออกใบกำกับภาษี
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย : เพื่อจำเป็นต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อใช้ในการ ออกใบกำกับภาษี โดยเป็นไปตาม ประมวลรัษฎากร และกฎหมายหรือประกาศอื่นที่เกี่ยวข้อง
8 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท ฯ คำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ของหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย : เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งบังคับใช้กับบริษัท ฯ เช่น กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
9 เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท ฯ เช่น การใช้สิทธิทางศาล เป็นต้น
10 เพื่อตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัท ฯ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : การจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในการตรวจสอบ ดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สิน ของบริษัท ฯ หรือการใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท ฯ หรือใช้เพื่อติดตามนำทรัพย์สินคืน หรือเรียกให้ชดใช้ ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัท ฯ สูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น

4.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท ฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตาม ข้อ 4.1 ข้างต้น ในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท ฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัท ฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) และบริษัท ฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขาย หรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่านทั้งหมดหรือบางส่วน

5. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัท ฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลา และข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็น ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัท ฯ จะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิ หรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป จนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่ง หรือคำพิพากษาถึงที่สุด

6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ใน ข้อ 4.1 ข้างต้น บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ประเภทของบุคคลผู้รับข้อมูล ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ เป็นการทั่วไป

ประเภทบุคคลผู้รับข้อมูล รายละเอียด
บริษัท ฯ ในเครือ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ บริษัท ฯ ในเครือทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในบริษัท ฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
คู่ค้าทางธุรกิจ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อติดต่อ และประสานงานในการให้บริการ สินค้า หรือบริการ และให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นเกี่ยวกับความพร้อม ใช้งานของสินค้าหรือบริการ
ผู้ให้บริการ บริษัท ฯ อาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ให้บริการแทน หรือสนับสนุนการดำเนินการของบริษัท ฯ เช่น ผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการด้าน Digital ID ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการด้านการบริหารความเสี่ยง ผู้ให้บริการขนส่ง เป็นต้น
ที่ปรึกษาของบริษัท ฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี เป็นต้น
หน่วยงานของภาครัฐ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ หรือมีคำสั่งโดยชอบ ด้วยกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด หรือการใช้สิทธิตามกฎหมาย
อื่น ๆ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคล หรือหน่วยงาน อื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน ต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ

6.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นนั้น บริษัท ฯ จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ ที่กำหนด หรือที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น

6.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผย โดยปฏิบัติตามมาตรฐาน และหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยบางกรณีบริษัท ฯ อาจขอความยินยอมจากท่าน

7. สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ หลายประการ ประกอบด้วย

1) สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท ฯ มีสิทธิปฏิเสธ คำขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

2) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

3) สิทธิในการลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ฯ ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

4) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน โดยการระงับชั่วคราว หรือถาวร

5) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท ฯ มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัท ฯ สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท ฯ)

6) สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้น จะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดยบริษัท ฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้ บริษัท ฯ จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท ฯ ที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

7) สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จากบริษัท ฯ ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้บริษัท ฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

8)สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียนในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัท ฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8. การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ หรือเกี่ยวกับประกาศนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

1) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ( Data Controller )
ชื่อ: บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 479 ชั้นที่ 4 หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ช่องทางการติดต่อ : info@bis-group.com

Call Center : 02-960-0290

2) เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 479 ชั้นที่ 4 หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ช่องทางการติดต่อ : dpo@bis-group.com

Call Center : 02-960-0290

9. การเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ฉบับนี้

บริษัท ฯ อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และตามที่ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยบริษัท ฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ที่มีความสำคัญ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม

ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2566
กรรมการบริษัท

ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้ถือหุ้น กรรมการ

ของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ

เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต บริษัท ฯ จึงจัดทำประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท ฯ”) เพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัท ฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ การดำเนินการใด ๆ กับ ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม ที่ทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยการจัดเรียง การนำมา รวมกัน การจำกัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบหรือการทำลาย

บริษัท ฯ จึงขอแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัท ฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่าน และทำความเข้าใจถึงข้อกำหนด ต่าง ๆ ภายใต้ประกาศ ฯ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. ประเภทและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคล

บริษัท ฯ เก็บรวบรวมข้อมูลของท่านโดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยอาจให้ท่านกรอกข้อมูลลงในเอกสารที่บริษัท ฯ จัดเตรียมไว้ หรือกรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทางบริษัท ฯ ได้กำหนด และ/หรือวิธีอื่นใด อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะของกิจกรรม บริษัท ฯ จำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลของท่านบางประการ ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่บริษัท ฯ ได้รับจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากท่านโดยตรง เช่น การจัดเก็บข้อมูลผู้ถือหุ้นจากนายทะเบียนหลักทรัพย์ หรือข้อมูลบัญชีธนาคารซึ่งท่านกำหนดให้เป็นบัญชีรับชำระเงินปันผล ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ จัดเก็บจากท่านอาจแตกต่างกัน แล้วแต่กรณี และลักษณะของกิจกรรมที่บริษัท ฯ จำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลของท่าน

1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

  1. ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ ชื่อสกุล เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ ลายมือชื่อ ข้อมูลการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล ภาพถ่าย เป็นต้น
  2. ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร ที่อยู่อีเมล เป็นต้น
  3. ข้อมูลทางการเงิน (Financial Data) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร จำนวนหุ้น หุ้นกู้ เป็นต้น
  4. ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นโดยบริษัท และ/หรือข้อมูลการติดต่อกับบริษัท (Communication Data) เช่น บันทึกภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวหรือทั้งภาพ และ/หรือเสียงเมื่อท่านได้ติดต่อเข้าร่วมการประชุมประจำปี หรือเข้าร่วมกิจกรรมอื่นใดกับบริษัท
  5. ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัญชีผู้ใช้แอปพลิเคชัน ไลน์ไอดี เป็นต้น
  6. ข้อมูลที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ คำแนะนำต่าง ๆ ตลอดเวลาที่ท่านเข้าร่วมกิจกรรม
  7. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เช่น อาชีพ เป็นต้น

1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว

  1. บริษัท ฯ ไม่มีความประสงค์จะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจัดเป็นข้อมูล ส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน เช่น เชื้อชาติ หมู่โลหิต หรือข้อมูลศาสนา ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัท ฯ ก็ตาม ทั้งนี้ หากท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใด ๆ ซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัท ฯ ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด ท่านจะต้องปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ด้วยตัวท่านเอง หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัท ฯ ถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัท ฯ ทำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ ซึ่งบริษัท ฯ ได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้ว เป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ และให้บริษัท ฯ สามารถนำไปประมวลผลได้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่บริษัท ฯ ไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหว แก่ท่านได้ เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิค หรือปัญหาอื่นใด บริษัท ฯ จะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
  2. กิจกรรมที่ท่านได้เข้าร่วมแล้วหรือจะได้เข้าร่วมในอนาคต ซึ่งอาจมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลสุขภาพของท่าน ทั้งนี้ การจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อการให้บริการและอำนวยความสะดวกอย่างดีที่สุดแก่ท่านเท่านั้น ทั้งนี้ในกรณีที่บริษัท ฯ มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน ไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใด บริษัท ฯ จะทำการขอความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้ง โดยทำเป็นเอกสารขอความยินยอมก่อนการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวเหล่านั้นเสมอ

1.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการและผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ โดยจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง รวมทั้งจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานที่กำกับดูแล ข้อมูลที่มีการเปิดเผยสู่สาธารณะ ดังนี้

  1. ในกระบวนการสรรหา บริษัท ฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบัตรประจำตัวประชาชน และ/หรือเอกสารอื่นใดที่สามารถใช้ในการยืนยันตัวตนได้ หรือเอกสารที่ทางราชการออกให้ เช่น ชื่อนามสกุล เพศ หมายเลขประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง รูปถ่าย วันเดือนปีเกิด สัญชาติ สถานที่เกิด ส่วนสูง เป็นต้น
  2. บริษัท ฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการเพิ่มเติม เช่น การถือครอง ซื้อ ขาย หลักทรัพย์ของบริษัท ฯ การจ่ายค่าตอบแทนกรรมการ การจัดอบรม การจัดกิจกรรม สถานะการสมรส ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรส ผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา บุตร บิดามารดา พี่น้อง หมู่โลหิต หมายเลขบัญชีธนาคาร อีเมล ประวัติการศึกษา อาชีพ ประวัติการทำงาน การเป็นกรรมการ หรือมีตำแหน่งในบริษัท ฯ หรือกิจการอื่น ๆ การเข้าประชุมคณะกรรมการบริษัท ฯ หรือคณะกรรมการชุดย่อย หรือผู้ถือหุ้น ชื่อบริษัทหลักทรัพย์ ผลการปฏิบัติงานของกรรมการ และข้อมูลอื่นตามที่กฎหมาย หรือหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีกำหนด

1.4 ข้อมูลส่วนบุคคลผู้ถือหุ้น เมื่อท่านได้จองซื้อ เป็นผู้ถือหุ้น หรือเป็นผู้ถือหุ้นกู้ บริษัท ฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง รวมทั้งอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านผ่านทางนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker) หรือนายทะเบียนหลักทรัพย์ด้วย เช่น ช่องทางการติดต่อ สัญชาติ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขประจำตัวประชาชน จำนวนหุ้น เป็นต้น

2. วัตถุประสงค์ และฐานในการประมวลผลข้อมูล

บริษัท ฯ ประมวลผลข้อมูลโดยอาจอาศัยหรืออ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลดังต่อไปนี้

  1. ฐานความยินยอมเพื่อประมวลผลข้อมูลของท่าน
  2. ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญา การเข้าทำสัญญา การปฏิบัติตามสัญญากับท่าน
  3. ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
  4. ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก
  5. ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ
  6. ฐานประโยชน์สาธารณะสำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี

ซึ่งในประกาศฉบับนี้ บริษัท ฯ จะประมวลผลข้อมูลของท่านโดยแยกตามกิจกรรมที่บริษัท ฯ ดำเนินการภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดั่งที่ระบุ ตามตารางนี้

ลำดับ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1 เพื่อบริหารจัดการงานทะเบียน การมอบฉันทะ และการดำเนินงานอื่น ๆ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด หรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การบริหารจัดการบริษัท (เช่น การเริ่มตั้ง การเพิ่มทุน ลดทุน การปรับโครงสร้างกิจการ การเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน) การประชุมผู้ถือหุ้น การสรรหาและการเป็นกรรมการบริษัท การประชุมคณะกรรมการบริษัท การจัดการเกี่ยวกับสิทธิ และหน้าที่ของผู้ถือหุ้น หรือผู้ถือหุ้นกู้ การจ่ายเงินปันผล การจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ การจัดทำบัญชีและรายงาน การตรวจสอบ เอกสารตามกฎหมาย การจัดส่งเอกสารหรือหนังสือต่าง ๆ รวมถึงหน้าที่ตามกฎหมายต่าง ๆ ของการเป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย (แล้วแต่กรณี) การปฏิบัติตามกฎหมาย
2 เพื่อการชำระเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น หรือการชำระคืนเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ย ผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
3 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ฯ หรือของบุคคลอื่น เช่น การบริหารจัดการบริษัท ฯ การรักษาความปลอดภัย การจัดกิจกรรม หรือการส่งข่าวสาร หรือข้อเสนอใด ๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ หรือกรรมการ รวมถึงเพื่อใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย
4 เพื่อเป็นหลักฐานแห่งการประชุม เข้าร่วมประชุม และการบริหาร จัดการในการจัดประชุมดังกล่าว เช่น การลงทะเบียนเข้าร่วม ประชุม การลงมติ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
5 การดำเนินการคัดเลือก การจัดทำสัญญา การดำเนินการ ตามกระบวนการสรรหา การตรวจสอบคุณสมบัติ รวมถึงการปฏิบัติตามสัญญา การจ่ายค่าตอบแทน การให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
6 เพื่อการบันทึกภาพ เสียง และ/หรือวิดีทัศน์ระหว่างการประชุม เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่การประชุมผ่านเว็บไซต์ของบริษัท ฯ และช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ของบริษัท ฯ หรือเพื่อให้ผู้เข้าร่วม ประชุมได้รับชมในภายหลัง หรือสำหรับการประชาสัมพันธ์ เพื่อประโยชน์ของบริษัท ฯ หรือเพื่อประโยชน์ของผู้เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ หากท่านไม่ประสงค์จะถูกบันทึกภาพ หรือวีดีทัศน์ ท่านมีสิทธิที่จะแจ้งต่อบริษัท ฯ เพื่อปฏิเสธ หรือไม่เข้าร่วม ขณะมีการบันทึกภาพ หรือวิดีทัศน์ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
7 เพื่อบันทึกการประชุม และจัดทำรายงานการประชุม ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัท ผู้ถือหุ้น รวมถึงการเผยแพร่ รายละเอียดในเว็บไซต์ของบริษัท ฯ และช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ของบริษัท ฯ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย/การปฏิบัติตามกฎหมาย
8 เพื่อการแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ที่จัดให้แก่ท่านตามที่บริษัท ฯ เห็นสมควร และใช้เป็นข้อมูล สำหรับกระบวนการคัดเลือกผู้มีสิทธิเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
9 เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อจัดเตรียมกิจกรรม จัดเตรียมงาน และอำนวยความสะดวกสำหรับท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัท ฯ จัดขึ้นตามที่บริษัท ฯ เห็นสมควร เช่น การจัดเตรียมสถานที่ การจัดเตรียมอาหาร และเครื่องดื่ม หรือจัดเตรียมยานพาหนะ ของที่ระลึก (ถ้ามี) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
10 เพื่อใช้ในการดำเนินการจัดทำประกันภัย หรือประกันการเดินทาง (ถ้ามี) กรณีที่ท่านเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัท ฯ จัดขึ้น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
11 เพื่อเป็นฐานข้อมูลผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท ฯ และ/หรือใช้ข้อมูล เพื่อการบริหารความสัมพันธ์ หรือการติดต่อประสานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
12 เพื่อการบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายในองค์กร การกำกับ การตรวจสอบ การตรวจสอบภายใน รวมถึงการกำกับดูแล กิจการที่ดี และการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
13 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติ หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ ซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
14 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก คำสั่งศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ และรายงาน หรือเปิดเผยข้อมูล ต่อหน่วยงานราชการ หรือองค์กรอิสระ การปฏิบัติตามกฎหมาย

3. การเปิดเผยข้อมูล

3.1 ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไวในประกาศฉบับนี้ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคล หรือองค์กร ดังต่อไปนี้

  1. บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัท ฯ ในเครือทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึง ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากร ภายในบริษัท ฯ เท่าที่เกี่ยวข้องและตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  2. หน่วยงานราชการ หน่วยงานในกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น ศาล ตำรวจ สำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมสรรพากร
  3. นายทะเบียนผู้ถือหุ้น นายทะเบียนหลักทรัพย์
  4. ผู้ให้บริการและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท ในการให้บริการต่าง ๆ รวมถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ในนามบริษัท หรือร่วมกับบริษัท เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ช่างภาพ ผู้รับจ้างที่บริษัท ได้ว่าจ้างให้ดำเนินการจัดงาน และจัดกิจกรรม ต่าง ๆ หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผล ที่ต้องได้รับข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน เพื่อทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในเอกสารฉบับนี้
  5. ธนาคารในกรณีมีหน้าที่จ่ายเงินให้ท่าน หรือบริษัทประกันในกรณีมีการเดินทางสำหรับท่านที่เข้าร่วมกิจกรรม
  6. ปรึกษาทางการเงิน หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ เป็นต้น
  7. บริษัทประกัน และ/หรือตัวแทน นายหน้าประกันภัย ประกันชีวิต ที่ให้บริการประกันภัยหรือประกันการเดินทางสำหรับผู้ถือหุ้น หรือผู้ถือหุ้นกู้ หรือตัวแทนผู้ถือหุ้น หรือตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ ในกรณีที่มีการทำประกันการเดินทางสำหรับท่านในการเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท ฯ
  8. ผู้แทนผู้ถือหุ้น
  9. บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใด ที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ

3.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นนั้น บริษัท ฯ จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ ที่กำหนด หรือที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น

3.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผย โดยปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยบางกรณีบริษัท ฯ อาจขอความยินยอมจากท่าน

4. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัท ฯ อาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือ หรือบุคคลอื่นในต่างประเทศ ในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัท ฯ กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของท่านหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการ ตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

4.2 บริษัท ฯ อาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรม หรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่น ในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัท ฯ จะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้น ต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคง ปลอดภัย ที่เหมาะสม

ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัท ฯ จะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัท ฯ จะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ โดยในบางกรณี บริษัท ฯ อาจขอความยินยอมของท่าน สำหรับการส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไปยังต่างประเทศดังกล่าว

5. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัท ฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลา และข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็น ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัท ฯ จะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิ หรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป จนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่ง หรือคำพิพากษาถึงที่สุด

6. สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ หลายประการ ประกอบด้วย

1) สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท ฯ มีสิทธิปฏิเสธ คำขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

2) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

3) สิทธิในการลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ฯ ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

4) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน โดยการระงับชั่วคราว หรือถาวร

5) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท ฯ มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัท ฯ สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท ฯ)

6) สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้น จะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดยบริษัท ฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้ บริษัท ฯ จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท ฯ ที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

7) สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จากบริษัท ฯ ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้บริษัท ฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

8) สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัท ฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

7. การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ หรือเกี่ยวกับประกาศนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

1) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ( Data Controller )
ชื่อ: บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 479 ชั้นที่ 4 หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ช่องทางการติดต่อ : info@bis-group.com

Call Center : 02-960-0290

2) เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 479 ชั้นที่ 4 หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ช่องทางการติดต่อ : dpo@bis-group.com

Call Center : 02-960-0290

8. การเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ฉบับนี้

บริษัท ฯ อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และตามที่ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยบริษัท ฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ที่มีความสำคัญ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม

ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2566
กรรมการบริษัท

ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้สมัครงานและพนักงาน

ของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ

เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต บริษัท ฯ จึงจัดทำประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ของ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท ฯ”) เพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัท ฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ การดำเนินการใด ๆ กับ ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม ที่ทำให้สามารถเข้าถึง หรือพร้อมใช้งาน โดยการจัดเรียง การนำมา รวมกัน การจำกัดหรือการห้ามเข้าถึง การลบหรือการทำลาย

บริษัท ฯ จึงขอแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่าน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัท ฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่าน และทำความเข้าใจถึงข้อกำหนด ต่าง ๆ ภายใต้ประกาศ ฯ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. คำนิยาม

ผู้สมัครงาน หมายถึง บุคคลที่อาจได้รับคัดเลือกเป็นผู้ฝึกงาน บุคลากร หรือพนักงานของบริษัท ฯ

พนักงาน หมายถึง บุคคลซึ่งตกลงทำงานหรือปฏิบัติหน้าที่ให้แก่บริษัท ฯ โดยได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนอื่นใดจากบริษัท ฯ เพื่อตอบแทน การทำงาน แต่ไม่รวมถึงผู้รับจ้าง ที่ปรึกษา ผู้ให้บริการ หรือคู่ค้าของบริษัท ฯ

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงานหรือพนักงาน หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงานและพนักงานของบริษัท ฯ และ/หรือผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคล ปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมัครงานหรือการทำสัญญาเป็นพนักงานของบริษัท ฯ เช่น บุคคลภายในครอบครัว (เช่น บิดา มารดา คู่สมรส บุตร เครือญาติ) บุคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง ผู้รับผลประโยชน์ หรือผู้ค้ำประกันการทำงาน เป็นต้น

2. วิธีที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

2.1 บริษัท ฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

2.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ฯ โดยตรง เช่น

  • เมื่อท่านยื่นใบสมัครงานและเอกสารประกอบการสมัครงานให้แก่บริษัท ฯ ไม่ว่าโดยการยื่นเอกสารโดยตรงต่อบริษัท ฯ (Walk-in) หรือการสมัครงานที่บูธ เช่น บริษัท ฯ ออกบูธในงานต่าง ๆ หรือการสมัครงานโดยการส่งใบสมัครงานผ่านทางอีเมล (E-mail)

2.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น

  • เมื่อท่านได้สมัครงานผ่านเว็บไซต์สมัครงานของบุคคลที่สาม บุคคลอ้างอิงของท่าน บริษัทจัดหางาน หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ แหลงข้อมูลทางการค้า ฯลฯ เป็นต้น

2.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศ ฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่ได้กำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัท ฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

2.3 กรณีที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ บริษัท ฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัท ฯ ได้แจ้งไว้แก่ท่าน ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งท่านมีสิทธิที่จะยกเลิกความยินยอมได้ โดยติดต่อมายังบริษัท ฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในท้ายของประกาศ ฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่าน และดำเนินการตามฐานการประมวลผลที่กฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด (ถ้ามี)

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศ ฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ฯ โดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่

3.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา สถานภาพสมรส สถานภาพทางทหาร ข้อมูลในครอบครัว (เช่น บิดา มารดา คู่สมรส และบุตร) ข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลชีวภาพ เช่นลายนิ้วมือ เป็นต้น

3.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชัน (Line ID) และข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และข้อมูลบุคคลอ้างอิง เป็นต้น

3.3 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา การฝึกอบรม เช่น ประวัติการศึกษาและการฝึกอบรม หนังสือรับรองคุณวุฒิ ใบแสดงผลการศึกษา ความสามารถทางภาษา ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการอบรม และ/หรือข้อมูลการทดสอบ และกิจกรรมที่เข้าร่วมระหว่างการศึกษา เป็นต้น

3.4 ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครงาน เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน ข้อมูลที่ปรากฏใน Resume ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ตำแหน่งที่สมัคร เงินเดือนที่คาดหวัง ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน หลักฐานหรือหนังสืออ้างอิง ต่าง ๆ และข้อมูลที่ปรากฏในแบบประเมินผลการสัมภาษณ์

3.5 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการสมัครงานหรือทำนิติกรรมสัญญาต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ที่ปรากฏในสำเนาเอกสารต่าง ๆ เช่น บัตรประชาชน/หนังสือเดินทาง ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ทะเบียนบ้าน ใบสำคัญการเกณฑ์ทหาร สมุดบัญชีธนาคาร ทะเบียนสมรส สูติบัตร ใบรับรองแพทย์ ผลการตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงาน แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน รายงานผลการตรวจสอบประวัติบุคคล แบบใบสมัครประกันสุขภาพแบบกลุ่ม แบบระบุนามผู้รับผลประโยชน์ สัญญาจ้างงาน หนังสือค้ำประกันการทำงานและเอกสารที่เกี่ยวข้อง หนังสือ มอบอำนาจ เป็นต้น

3.6 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการประเมินผล เช่น รหัสพนักงาน ตำแหน่ง แผนก สังกัด สายการบังคับบัญชา การประเมินผลการปฏิบัติงาน พฤติกรรมในการทำงาน ผลงานและ/หรือรางวัลที่เคยได้รับ ข้อมูลการฝึกอบรม ข้อมูลการลงโทษทางวินัย ใบลาออก เป็นต้น

3.7 ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ผลตอบแทน โบนัส ข้อมูลของผู้รับผลประโยชน์ ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลด้านภาษีอากร ข้อมูลการหักลดหย่อนภาษี ข้อมูลสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพและ/หรือผลประโยชน์อื่น ๆ

3.8 ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติทางทะเบียน เช่น วันที่เริ่มงาน วันครบกำหนดทดลองงาน วันและเวลาที่เข้าทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลา วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลา แบบแจ้งการลา รายละเอียดการลารวมถึงสาเหตุการลา บันทึกการเข้าออกบริษัท ฯ และการบันทึกการใช้ระบบต่าง ๆ ของบริษัท ฯ เป็นต้น

3.9 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) ข้อมูลที่บริษัท ฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน

3.10 ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เช่น ข้อมูลสุขภาพ ลายนิ้วมือ ประวัติอาชญากรรม ศาสนา เป็นต้น ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัท ฯ มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน ไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใด บริษัท ฯ จะทำการขอความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้ง โดยทำเป็นเอกสารขอความยินยอมก่อนการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวเหล่านั้นเสมอ

3.11 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลการรักษาความปลอดภัย บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวและเสียงผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัท ฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังนี้

ลำดับ วัตถุประสงค์ที่กำหนด ฐานกฎหมายในการประมวลผล
1 เพื่อรับสมัครงาน การคัดเลือกผู้สมัครงาน การสัมภาษณ์ และการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน
  • ฐานสัญญา : จำเป็นเพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาความเหมาะสม กับตำแหน่งงานที่สมัคร
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : จำเป็นในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครงาน เป็นต้น
2 เพื่อติดต่อสื่อสารกับผู้สมัครงาน พนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง กับพนักงาน
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : จำเป็นในการติดต่อสื่อสาร กับผู้สมัครงาน พนักงานและ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน แจ้งผลการสมัครงาน
3 เพื่อดำเนินการเข้าทำสัญญาจ้าง และการเข้าทำสัญญาผู้ค้ำประกัน การทำงาน และการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับจ้างงาน เช่น การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงาน เป็นต้น
  • ฐานสัญญา : จำเป็นเพื่อดำเนินการเข้าทำสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นก่อนการ เข้าทำสัญญาดังกล่าว
  • ในกรณีของผู้ค้ำประกันการทำงานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ค้ำประกัน การทำงาน เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินการเข้าทำ สัญญาค้ำประกันการทำงาน ซึ่งผู้ค้ำประกันการทำงานเป็นคู่สัญญา
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นเพื่อประกอบ ในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร เพื่อบรรจุเป็นพนักงาน ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นต้น
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย : ในกรณีของกรรมการ และผู้บริหาร ของบริษัท ฯ จำเป็นเพื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ และผู้บริหารของบริษัท ฯ โดยการจัดทำแบบฟอร์ม และเอกสารต่าง ๆ เพื่อยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
  • ฐานความยินยอม : การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ของบุคลากร อาทิ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ จะกระทำโดย อาศัยความยินยอมที่ได้รับจากบุคลากร
4 เพื่อกำหนดหน้าที่ของพนักงานตามสัญญาจ้าง ข้อตกลงการว่าจ้าง สัญญาแต่งตั้ง หรือสัญญา อื่นใด ซึ่งเข้าทำกับบริษัท ฯ
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นเพื่อให้พนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือทำงาน ตามขอบเขตที่ระบุในสัญญาจ้าง ข้อตกลงการว่าจ้าง สัญญาแต่งตั้ง สัญญาอื่นใด ซึ่งพนักงานได้เข้าทำกับบริษัท ฯ เช่น การใช้ข้อมูล ส่วนบุคคลในบัตรประจำตัวประชนของพนักงาน เพื่อยืนยันตัวตน ในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ฯ ในการลงนามในสัญญา หรือการทำนิติกรรมใด ๆ การเปิดเผยชื่อของพนักงานในประกาศ หรือเอกสารอื่น ๆ ของบริษัท ฯ ตามขอบอำนาจหน้าที่ หรือส่วนงาน ที่พนักงานดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวของบริษัท
5 เพื่อบันทึกเวลาการทำงาน จ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส ค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นสำหรับการจ่ายค่าจ้าง เงินเดือน โบนัส ค่าตอบแทนและ/หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ ตามสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญา
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย : เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร เป็นต้น
  • ฐานความยินยอม : การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ของบุคลากร อาทิ ข้อมูลชีวภาพ (ลายนิ้วมือ) จะกระทำโดย อาศัยความยินยอมที่ได้รับจากบุคลากร
6 เพื่อการโอนย้ายพนักงานและการยืมตัวพนักงาน
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาจ้าง สัญญา โอนย้ายพนักงานซึ่งมีพนักงานเป็นคู่สัญญา หรือสัญญาอื่นใด ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ โดยชอบด้วยกฎหมายในการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคล ของบริษัท ฯ เช่น การโอนย้าย เป็นต้น
7 เพื่อการบริหารจัดการสวัสดิการและผลประโยชน์ของพนักงาน เช่น เงินยืมสวัสดิการ การเบิกค่ารักษาพยาบาล การตรวจร่างกาย ประจำปี การประกันภัย และการเรียกค่าสินไหมทดแทน ที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นสำหรับบริษัท ฯ ในการปฏิบัติตาม สัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญา
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นต่อการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท ฯ เช่น การจัดสรรสวัสดิการและผลประโยชน์ของพนักงาน
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย : เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายให้บรรลุ วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน และการประกันสังคม สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของ ผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคม
  • ฐานความยินยอม : การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลสุขภาพ เพื่อการบริหารจัดการประกันภัยแบบกลุ่ม หรือสวัสดิการอื่น ๆ จะกระทำโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจาก พนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
8 เพื่อบริหารจัดการการฝึกอบรมพนักงาน
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นของบริษัท ฯ ในการบริการจัดการฝึกอบรม เช่น การลงทะเบียนหลักสูตรอบรม การจัดให้มีแผนการดำเนินการและแบบฝึกอบรม ตลอดจนการจัดสรร สิ่งอำนวยความสะดวก ต่าง ๆ ที่เหมาะสม สำหรับการจัดฝึกอบรม เป็นต้น
9 เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือหน้าที่ของพนักงาน
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ โดยชอบด้วยกฎหมายในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน เพื่อการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคล หรือเพื่อประโยชน์อื่นใด ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ฯ
10 เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล ในเรื่องอื่น ๆ อาทิ การลงโทษทางวินัย การเลิกจ้าง การลาออก และการเกษียณ เป็นต้น
  • ฐานสัญญา : เป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญา อาทิ การเลิกจ้าง พนักงานลาออกหรือเกษียณจากการทำงาน และการบันทึกประวัติ การถูกลงโทษทางวินัยของพนักงานที่ฝ่าฝืนระเบียบ หรือข้อบังคับการทำงาน เป็นต้น
11 เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้ง สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท ฯ ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
12 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ ทรัพยากรบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงาน ของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย : เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ กฎหมายแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการ ประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การตรวจสอบ ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างพนักงานและบริษัท ฯ การส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม และกรมส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น
13 เพื่อตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัท ฯ
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : การจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบ ด้วยกฎหมาย ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของบริษัท ฯ หรือการใช้ภาพ บันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท ฯ หรือใช้เพื่อติดตาม เอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกให้ชดใช้ ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการ ทำให้ทรัพย์สินของบริษัท ฯ สูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น

4.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท ฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตาม ข้อ 4.1 ข้างต้น ในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการ ปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท ฯ อาจมีผลกระทบดังนี้

4.2.1 กรณีท่านเป็นผู้สมัครงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงาน

บริษัท ฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่าน เพื่อพิจารณาคุณสมบัติ และความเหมาะสมของท่าน ในการเข้าทำ สัญญาจ้างงาน หรือฝึกงานกับบริษัท ฯ ซึ่งในกรณีที่ท่านหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น บริษัท ฯ อาจไม่สามารถประเมินคุณสมบัติ ของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ที่เหมาะสมเพื่อการรับท่านเข้าทำงานหรือฝึกงานกับบริษัท ฯ ได้

4.2.2 กรณีท่านเป็นพนักงานของบริษัท ฯ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน

บริษัท ฯ เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือสัญญาฝึกงาน รวมถึงเพื่อประโยชน์โดยชอบในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ฯ และบุคคลที่สามที่มีความสัมพันธ์ในทางธุรกิจกับบริษัท ฯ ดังนั้น ในกรณีที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท ฯ บริษัท ฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของบริษัท ฯ ในฐานะนายจ้าง หรือคู่สัญญากับบุคคลที่สามที่บริษัท ฯ มีความสัมพันธ์ในทางธุรกิจด้วย ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานร่วมกัน หรือการฝึกงานของท่านกับ บริษัท ฯ ต่อไปได้ นอกจากนี้ ในบางกรณีที่บริษัท ฯ ขอความยินยอมในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ในการจัดหาสวัสดิการให้กับท่าน เช่น การทำประกันสุขภาพ เป็นต้น หากท่านไม่ให้ความยินยอมหรือเพิกถอนความยินยอมในภายหลัง อาจส่งผลให้บริษัท ฯ ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่บริษัท ฯ ได้แจ้งไว้กับท่านได้ ซึ่งอาจรวมถึงการที่ท่านอาจไม่ได้รับสวัสดิการบางประการของบริษัท ฯ

แต่ทั้งนี้ท่านยังคงสามารถให้หรือไม่ให้ความยินยอมหรือเพิกถอนความยินยอมได้โดยสมัครใจ และเป็นอิสระ โดยการกระทำเช่นนั้นย่อมไม่ส่งผล ต่อการประเมินผลงานและความสามารถของท่านที่กระทำ โดยบริษัท ฯ

5. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัท ฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลา และข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็น ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัท ฯ จะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิ หรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป จนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่ง หรือคำพิพากษาถึงที่สุด

6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ใน ข้อ 4.1 ข้างต้น บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ประเภทของบุคคลผู้รับข้อมูล ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ เป็นการทั่วไป

ประเภทบุคคลผู้รับข้อมูล รายละเอียด
บริษัท ฯ ในเครือ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ บริษัท ฯ ในเครือทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในบริษัท ฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ลูกค้า คู่ค้า คู่สัญญาของบริษัท ฯ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้กับลูกค้า คู่ค้า คู่สัญญาของบริษัท ฯ ที่ท่านเป็นผู้ติดต่อสื่อสาร หรือเกี่ยวข้อง กับหน้าที่หรือตำแหน่งของท่าน หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะ คล้ายคลังกัน
ผู้ให้บริการ บริษัท ฯ อาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ให้บริการแทน หรือสนับสนุนการดำเนินการของบริษัท ฯ เช่น ผู้ให้บริการเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบการจัดทำค่าจ้าง ค่าตอบแทน ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน สำรองเลี้ยงชีพ และระบบด้านการสวัสดิการต่าง ๆ ผู้ให้บริการด้านการประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ การตรวจสุขภาพ ผู้ให้บริการด้านการฝึกอบรม หรือ หน่วยงานใดเพื่อการบริหารจัดการองค์กร เป็นต้น
ที่ปรึกษาของบริษัท ฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี เป็นต้น
หน่วยงานของภาครัฐ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ หรือมีคำสั่งโดยชอบด้วย กฎหมาย เพื่อดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด หรือการใช้สิทธิตามกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมบังคับคดี กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน ฯลฯ เพื่อให้เป็นไปตามข้อร้องขอที่เป็นไป ตามกฎหมาย โดยเราจะนำส่งเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน ที่เป็นไปตามกฎหมาย และเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทฯ
องค์กรหรือบุคคลภายนอก บริษัท ฯ อาจต้องยืนยันข้อมูลของท่านให้กับองค์กรหรือ บุคคลภายนอกที่มีการติดต่อสอบถาม เพื่อวัตถุประสงค์ ในการตรวจสอบการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของท่าน เช่น การสมัครหรือใช้บริการด้านสินเชื่อ การสมัครงาน โดยบริษัท ฯ จะยืนยันเฉพาะสถานภาพ การเป็นพนักงาน และข้อมูลอื่น ๆ ตามที่ท่านได้เปิดเผยกับองค์กร หรือบุคคลภายนอกดังกล่าวไว้เท่านั้น
อื่น ๆ บริษัท ฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคล หรือหน่วยงาน อื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน ต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ

6.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นนั้น บริษัท ฯ จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ ที่กำหนด หรือที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น

6.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผย โดยปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยบางกรณีบริษัท ฯ อาจขอความยินยอมจากท่าน

7. สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ หลายประการ ประกอบด้วย

1) สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ฯ เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท ฯ มีสิทธิปฏิเสธ คำขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

2) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

3) สิทธิในการลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ฯ ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

4) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน โดยการระงับชั่วคราว หรือถาวร

5) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท ฯ มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัท ฯ สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท ฯ)

6) สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้น จะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดยบริษัท ฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้ บริษัท ฯ จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท ฯ ที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

7) สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จากบริษัท ฯ ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้บริษัท ฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

8) สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัท ฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8. การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ หรือเกี่ยวกับประกาศนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

1) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ( Data Controller )
ชื่อ: บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 479 ชั้นที่ 4 หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ช่องทางการติดต่อ : info@bis-group.com

Call Center : 02-960-0290

2) เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 479 ชั้นที่ 4 หมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนบอนด์สตรีท ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ช่องทางการติดต่อ : dpo@bis-group.com

Call Center : 02-960-0290

9. การเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ฉบับนี้

บริษัท ฯ อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และตามที่ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยบริษัท ฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศ ฯ ที่มีความสำคัญ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม

ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2566
กรรมการบริษัท